1. Research
คือสิ่งที่ตัวละครเกี่ยวข้อง การ research เป็นการหารายละเอียดของตัวละครมาหาใส่ จุดประสงค์คือเก็บเกี่ยวข้อมูลของตัวละครให้ ได้มากที่สุด สร้างเป็นประวัติของตัวละคร

2. Theme
คือ แก่น ใจความสำคัญ มักจะเป็น ประโยคสั้นๆที่มีความชัดเจน เป็นประเด็นหรือแนวคิดสำคัญ ที่คนเขียนบทต้องการจะบอก
3. Plot
มี 3 จุด (Acts) คือ
1) จุดเริ่มต้น อย่างน้อยควรรู้ว่าตัวละครคือใคร
2) จุดหักเห คือสถานการณ์ที่ตัวละครนั้นเจอ ในหนังสั้นมักจะเป็น สถานการณ์ที่ไม่ซับซ้อนนัก เป็นปัญหาที่ชัดเจนที่สุดของตัวละคร
3) จุดจบ คือสถานการณ์ที่เป็นจุดเข้มข้นสุดของเรื่อง ก่อนที่จะคลี่คลาย หรือจบลง
4. Synopsis
มักจะเป็นความเรียง เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบอย่างย่อ มีความยาวประมาณ 5-6 บรรทัด เล่าตัวละครและเหตุการณ์เพื่อสรุปว่า ใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ฯ ด้วยมุม Objective ของคนเขียนบทเอง
5. Treatment
โครงเรื่องขยาย คือมีการเขียนคำอธิบาย ขยายเนื้อเรื่องชัดเจนมากขึ้น มีการบรรยายรายละเอียดต่างๆที่จำเป็นต่อการเล่าเรื่อง เช่น ชื่อตัวละคร ลักษณะ ตัวละคร สถานการณ์ต่างๆ สถานที่ วัน เวลา เหตุผลของตัวละคร ฯ แต่ยังไม่มี บทสนทนา
6. Scenario
มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งฉากของ treatment ให้เห็นเป็น scene ชัดเจน เพื่อคำนวณความยาวของแต่ละฉาก สำนวนการเขียนจะรวบรัด และใช้ภาษาอธิบายเหตุการณ์ การแสดง มากกว่าอธิบายความคิด หรืออารมณ์ตัวละคร
7. Paradigm
เป็นขั้นตอนที่สาคัญขั้นตอนหนึ่งที่ช่วยสรุปจังหวะของการเขียนบท ที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร เน้นไปที่การวิเคราะห์และตีความ คุณสมบัติหรือหน้าที่ ของแต่ละฉาก ว่าอะไรขาด อะไรเกิน
8. Screenplay
เป็นการเล่าเรื่องที่ได้พัฒนามาแล้ว มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง
9. Shooting script
ขั้นตอนสุดท้ายของการเขียน บทถ่ายทำจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ มีเลขลำดับช็อตกำกับไว้ โดยเรียงตามลาดับตั้งแต่ช็อตแรกจนกระทั่งจบเรื่อง
10. Storyboard
บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่อธิบายด้วยภาพ คล้ายหนังสือ การ์ตูน ให้เห็นความต่อเนื่องของช็อตตลอดทั้งซีเควนส์ มีคำอธิบายภาพ ระบุเสียงต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก
อ้างอิง : http://www.slideshare.net/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น